Position:home  

น้ำปลา: เครื่องปรุงรสแห่งความอร่อยที่คู่ครัวไทยมาช้านาน

น้ำปลา หนึ่งในเครื่องปรุงรสสำคัญของอาหารไทยที่อยู่คู่ครัวเรือนมาช้านาน แต่นอกจากความอร่อยที่คุ้นเคยแล้ว ยังมีอะไรที่ซ่อนอยู่ในน้ำปลากันแน่ มาหาคำตอบกัน

น้ำปลาคืออะไร

น้ำปลา คือของเหลวใสสีน้ำตาลอ่อนที่ได้จากการหมักปลาทะเลกับเกลือ โดยทั่วไปจะใช้ปลาชนิดที่เรียกว่า "ปลาไส้ตัน" หรือ "ปลาแป้น" มาหมัก นอกจากนี้ยังมีการใช้ปลาชนิดอื่น ๆ เช่น ปลาทราย ปลาอินทรี ปลาเก๋า ปลาหมึก ฯลฯ

หลังจากทำความสะอาดปลาแล้ว ก็จะนำไปคลุกเคล้ากับเกลือในอัตราส่วนประมาณ 3:1 (ปลา 3 ส่วนต่อเกลือ 1 ส่วน) จากนั้นบรรจุลงในไหหรือบ่อซีเมนต์ ปิดฝาทิ้งไว้เป็นระยะเวลานานประมาณ 6-12 เดือน หรือมากกว่านั้น เพื่อให้เกิดการหมักและสลายตัว

กระบวนการผลิตน้ำปลา

กระบวนการผลิตน้ำปลาแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่

น้ำปลา

  1. การหมัก เป็นขั้นตอนที่ใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน ในระหว่างนี้ เอนไซม์ในลำไส้ของปลาจะย่อยโปรตีนในเนื้อปลาให้กลายเป็นกรดอะมิโน โดยเฉพาะกรดกลูตามิกที่ให้รสเค็มและรสอูมามิ
  2. การกดน้ำปลา เมื่อครบกำหนดการหมัก จะนำกากปลาหมักมาใส่ในผ้าขาวบางแล้วนำไปกดด้วยเครื่องจักรเพื่อแยกน้ำปลาออกจากกาก
  3. การต้มน้ำปลา น้ำปลาที่ได้จากการกดจะถูกนำไปต้มเพื่อฆ่าเชื้อโรคและลดความเปรี้ยว

คุณค่าทางโภชนาการของน้ำปลา

น้ำปลาเป็นแหล่งโปรตีน กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยในน้ำปลา 100 มิลลิลิตร จะประกอบด้วย

น้ำปลา: เครื่องปรุงรสแห่งความอร่อยที่คู่ครัวไทยมาช้านาน

  • โปรตีน 16 กรัม
  • กรดอะมิโน 15 ชนิด
  • วิตามินบี 12 1.1 ไมโครกรัม
  • วิตามินดี 0.4 ไมโครกรัม
  • แคลเซียม 150 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 70 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 1.5 มิลลิกรัม

ประโยชน์ของน้ำปลา

นอกจากรสชาติอร่อยแล้ว น้ำปลายังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ ได้แก่

  • ช่วยย่อยอาหาร เนื่องจากน้ำปลาประกอบด้วยเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีน
  • เพิ่มความอยากอาหาร น้ำปลาช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร จึงช่วยเพิ่มความอยากอาหาร
  • บำรุงร่างกาย น้ำปลาเป็นแหล่งโปรตีนและกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและซ่อมแซมร่างกาย
  • ป้องกันโรคหัวใจ น้ำปลาเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • บำรุงกระดูกและฟัน น้ำปลาเป็นแหล่งของแคลเซียมและฟอสฟอรัส ซึ่งช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง

วิธีเลือกน้ำปลาคุณภาพดี

ในการเลือกน้ำปลาคุณภาพดี ควรพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้

  • สี น้ำปลาคุณภาพดีจะมีสีน้ำตาลอ่อนใส ไม่ขุ่น หรือมีตะกอน
  • กลิ่น น้ำปลาที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ไม่เหม็นเหม็นเปรี้ยว
  • รสชาติ น้ำปลาที่มีรสชาติกลมกล่อม ไม่เค็มจัดหรือเปรี้ยวจัด
  • ยี่ห้อ เลือกซื้อน้ำปลาจากยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ มีการผลิตที่ได้มาตรฐาน

น้ำปลาในอาหารไทย

น้ำปลาเป็นหนึ่งในเครื่องปรุงรสหลักของอาหารไทยแทบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ต้ม ผัด แกง ทอด น้ำพริก และน้ำจิ้ม โดยน้ำปลาช่วยเพิ่มรสชาติและกลมกล่อมให้กับอาหารได้เป็นอย่างดี

น้ำปลาคืออะไร

เกร็ดความรู้เกี่ยวกับน้ำปลา

  • น้ำปลาเป็นเครื่องปรุงรสที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย เวียดนาม กัมพูชา ลาว
  • ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกน้ำปลาที่ใหญ่ที่สุดในโลก คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 80% ของการผลิตน้ำปลาทั่วโลก
  • ในอดีต น้ำปลาใช้เป็นทั้งเครื่องปรุงรสและยาสมุนไพร โดยเชื่อว่าช่วยรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และโรคกระเพาะ
  • น้ำปลาที่หมักนานจะมีรสชาติและกลิ่นที่ดีกว่าน้ำปลาที่หมักน้อย

การเก็บรักษาน้ำปลา

น้ำปลาสามารถเก็บรักษาไว้ได้นานหลายเดือน โดยควรเก็บไว้ในที่เย็น แห้ง และมิดชิด เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำปลาเสียหรือเกิดกลิ่นเหม็น

ตารางสรุปคุณค่าทางโภชนาการของน้ำปลา

สารอาหาร ปริมาณในน้ำปลา 100 มิลลิลิตร
โปรตีน 16 กรัม
กรดอะมิโน 15 ชนิด
วิตามินบี 12 1.1 ไมโครกรัม
วิตามินดี 0.4 ไมโครกรัม
แคลเซียม 150 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 70 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 1.5 มิลลิกรัม

ตารางเปรียบเทียบรสชาติและกลิ่นของน้ำปลาจากต่างยี่ห้อ

ยี่ห้อ รสชาติ กลิ่น
ยี่ห้อ A รสชาติกลมกล่อม ไม่เค็มจัด หอมนัว
ยี่ห้อ B รสชาติเค็มจัด กลิ่นค่อนข้างเปรี้ยว
ยี่ห้อ C รสชาติจืด กลิ่นไม่หอม

ตารางปริมาณการใช้เกลือในการหมักน้ำปลา

ปริมาณปลา ปริมาณเกลือ
1 กิโลกรัม 300 กรัม
2 กิโลกรัม 600 กรัม
5 กิโลกรัม 1,500 กรัม

กลยุทธ์การตลาดน้ำปลาในต่างประเทศ

ผู้ผลิตน้ำปลาไทยสามารถใช้กลยุทธ์การตลาดต่อไปนี้เพื่อขยายตลาดน้ำปลาในต่างประเทศได้

  • เน้นการโฆษณาที่เน้นคุณสมบัติเฉพาะของน้ำปลาไทย เช่น เป็นน้ำปลาคุณภาพสูง หมักนาน รสชาติกลมกล่อม
  • จัดงานแสดงสินค้าและชิมน้ำปลาในต่างประเทศเพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักและทดลองชิมน้ำปลาไทย
  • จับมือกับร้านอาหารไทยในต่างประเทศเพื่อนำเสนอน้ำปลาไทยให้กับผู้บริโภคชาวต่างชาติ
  • พัฒนาบรรจุภัณฑ์และแบรนด์ให้น่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้บริโภคชาวต่างชาติ
  • ร่วมมือกับผู้จัดจำหน่ายในต่างประเทศเพื่อกระจายน้ำปลาไทยให้ทั่วถึง

ขั้นตอนการทำน้ำปลาแบบง่าย ๆ

  1. เตรียมปลาทะเลที่สดใหม่ เช่น ปลาไส้ตัน หรือปลาแป้น
  2. ทำความสะอาดปลาโดยล้างน้ำและขอดเกล็ดออก
  3. คลุกเคล้าปลาด้วยเกลือในอัตราส่วน 3:1 (ปลา 3 ส่วนต่อเกลือ 1 ส่วน)
  4. ใส่ส่วนผสมลงในไหหรือบ่อซีเมนต์แล้วปิดฝาทิ้งไว้เป็นระยะเวลา 6-12 เดือน หรือมากกว่านั้น
  5. เมื่อครบกำหนดการหมัก นำกากปลาหมักมาใส่ในผ้าขาวบางแล้วนำไปกดด้วยเครื่องจักรเพื่อแยกน้ำปลาออกจากกาก
  6. ต้มน้ำปลาที่ได้จากการกดเพื่อฆ่าเชื้อโรคและลดความเปรี้ยว
  7. ปล่อยให้น้ำปลาร้อนเย็นลงแล้วนำไปบรรจุขวดหรือภาชนะที่เตรียมไว้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับน้ำปลา

**1. น้ำปลาต่างกับ

การหมัก

Time:2024-09-04 15:38:36 UTC

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss