ขนมเผ็ด ๆ อร่อยแบบจี๊ดใจ

ขนมเผ็ดเป็นของว่างที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยรสชาติเผ็ดร้อนจัดจ้านที่ชวนลิ้มลอง ทำให้หลายๆ คนติดใจจนต้องกินซ้ำแล้วซ้ำอีก ขนมเผ็ดมีหลากหลายชนิด แต่ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ ข้าวเกรียบปากหม้อ ขนมครกเผ็ด และขนมเบื้องญวนเผ็ด

ขนมเผ็ดเหล่านี้มักจะรับประทานคู่กับน้ำจิ้มหรือน้ำซอสต่างๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและความจัดจ้านให้มากขึ้น ซึ่งน้ำจิ้มของขนมเผ็ดนั้นก็มีหลากหลายเช่นกัน เช่น น้ำจิ้มหวาน น้ำจิ้มเปรี้ยว และน้ำจิ้มเผ็ด โดยผู้รับประทานสามารถเลือกน้ำจิ้มที่ตนเองชื่นชอบได้ตามใจชอบ

ขนมเผ็ดนอกจากจะเป็นของว่างที่อร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย โดยในพริกซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของขนมเผ็ดนั้น มีสารแคปไซซิน (Capsaicin) ซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวด ลดการอักเสบ และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย

ข้าวเกรียบปากหม้อ

ข้าวเกรียบปากหม้อเป็นขนมเผ็ดที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมกับกะทิและน้ำตาลปี๊บ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ แล้วนำไปทอดจนเหลืองกรอบ โดยข้าวเกรียบปากหม้อมักจะรับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวานหรือน้ำจิ้มเปรี้ยว

ขนมครกเผ็ด

ขนมครกเผ็ดเป็นขนมเผ็ดที่ทำจากแป้งข้าวเจ้า ผสมกับกะทิ น้ำตาลปี๊บ และพริกแกง ปั้นเป็นก้อนกลมๆ แล้วนำไปนึ่งจนสุก โดยขนมครกเผ็ดมักจะรับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวานหรือน้ำจิ้มเผ็ด

ขนมเบื้องญวนเผ็ด

ขนมเบื้องญวนเผ็ดเป็นขนมเผ็ดที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมกับกะทิ น้ำตาลปี๊บ และพริกแกง นำไปทอดเป็นแผ่นกลมๆ แล้วห่อไส้ต่างๆ เช่น ไส้กุ้ง ไส้หมู ไส้เผือก โดยขนมเบื้องญวนเผ็ดมักจะรับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวานหรือน้ำจิ้มเผ็ด

ขนมเผ็ดอื่นๆ

นอกจากขนมเผ็ดที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีขนมเผ็ดอื่นๆ อีกมากมายที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย เช่น ปลาหมึกย่างเผ็ด ไก่ทอดเผ็ด และเฟรนช์ฟรายส์เผ็ด ซึ่งขนมเผ็ดเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่มีรสชาติเผ็ดร้อนจัดจ้านไม่แพ้กัน

ประโยชน์ของการกินขนมเผ็ด

การกินขนมเผ็ดนอกจากจะช่วยให้เราได้ลิ้มรสชาติที่อร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย โดยสารแคปไซซินในพริกมีสรรพคุณช่วยลดอาการปวด ลดการอักเสบ และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยงานวิจัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในสหรัฐอเมริกาพบว่า ผู้ที่กินอาหารที่มีส่วนผสมของพริกเป็นประจำจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดสมอง และโรคเบาหวานประเภท 2 น้อยลงกว่าผู้ที่ไม่กินอาหารที่มีส่วนผสมของพริก

ข้อควรระวังในการกินขนมเผ็ด

แม้ว่าขนมเผ็ดจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ก็มีข้อควรระวังในการกินอยู่บ้าง โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการปวดท้อง หรือมีปัญหาระบบทางเดินอาหารไม่ควรกินขนมเผ็ด เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการปวดท้องและท้องเสียได้ นอกจากนี้ผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อนก็ควรกินขนมเผ็ดในปริมาณที่น้อย เพราะอาจจะทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อนและแสบร้อนกลางอกได้

สูตรขนมเผ็ด

หากคุณอยากลิ้มรสชาติขนมเผ็ดแสนอร่อยด้วยตัวเอง คุณสามารถทำตามสูตรขนมเผ็ดเหล่านี้ได้

สูตรข้าวเกรียบปากหม้อ

ส่วนผสม

• แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
• กะทิ 1/2 ถ้วย
• น้ำตาลปี๊บ 1/4 ถ้วย
• เกลือ 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ผสมแป้งข้าวเจ้า กะทิ น้ำตาลปี๊บ และเกลือเข้าด้วยกัน แล้วนวดให้เข้ากันจนแป้งเนียน
2. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมๆ แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนจนเหลืองกรอบ
3. รับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวานหรือน้ำจิ้มเปรี้ยว

สูตรขนมครกเผ็ด

ส่วนผสม

• แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
• กะทิ 1/2 ถ้วย
• น้ำตาลปี๊บ 1/4 ถ้วย
• พริกแกงเผ็ด 1 ช้อนโต๊ะ
• เกลือ 1/4 ช้อนชา

วิธีทำ

1. ผสมแป้งข้าวเจ้า กะทิ น้ำตาลปี๊บ พริกแกงเผ็ด และเกลือเข้าด้วยกัน แล้วนวดให้เข้ากันจนแป้งเนียน
2. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมๆ แล้วนำไปนึ่งในถาดขนมครกจนสุก
3. รับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวานหรือน้ำจิ้มเผ็ด

สูตรขนมเบื้องญวนเผ็ด

ส่วนผสม

• แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
• กะทิ 1/2 ถ้วย
• น้ำตาลปี๊บ 1/4 ถ้วย
• พริกแกงเผ็ด 1 ช้อนโต๊ะ
• ไส้ตามชอบ เช่น ไส้กุ้ง ไส้หมู ไส้เผือก
• น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ

1. ผสมแป้งข้าวเจ้า กะทิ น้ำตาลปี๊บ และพริกแกงเผ็ดเข้าด้วยกัน แล้วนวดให้เข้ากันจนแป้งเนียน
2. ทอดแป้งในน้ำมันร้อนเป็นแผ่นกลมๆ
3. วางไส้ลงบนแผ่นแป้ง แล้วห่อให้เป็นรูปสามเหลี่ยม
4. รับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวานหรือน้ำจิ้มเผ็ด

ตารางเปรียบเทียบข้อมูลขนมเผ็ด

ตารางเปรียบเทียบสรรพคุณของพริก

ตารางเปรียบเทียบข้อควรระวังในการกินขนมเผ็ด

กลยุทธ์ในการกินขนมเผ็ด

หากคุณอยากกินขนมเผ็ดโดยไม่เกิดอาการข้างเคียง คุณสามารถใช้วิธีการดัง