Position:home  

สิ่งมหัศจรรย์ของภูมิคุ้มกันแบบรับมา: เกราะป้องกันโรคที่ทรงพลัง

ภูมิคุ้มกันแบบรับมา (Passive Immunity) คือการถ่ายทอดแอนติบอดีจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งช่วยให้บุคคลที่ได้รับสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคที่บุคคลนั้นไม่เคยสัมผัสมาก่อน โดยทั่วไปจะเกิดขึ้นเมื่อได้รับแอนติบอดีจากแม่ผ่านทางสายสะดือหรือการให้นม ซึ่งครอบคลุมถึงโรคต่างๆ เช่น หัด หัดเยอรมัน ไอกรน โปลิโอ และไวรัสซิกา

แอนติบอดีทำงานอย่างไร

แอนติบอดีเป็นโปรตีนที่สร้างโดยระบบภูมิคุ้มกันที่ตอบสนองต่อเชื้อโรค เมื่อแอนติบอดีพบเชื้อโรคที่เฉพาะเจาะจงแล้ว แอนติบอดีเหล่านี้จะจับตัวกับเชื้อโรคและทำลายหรือทำให้เป็นกลางโดย:

  • การจับมัดเชื้อโรค: แอนติบอดีจะจับกับเชื้อโรคและป้องกันไม่ให้เชื้อโรคติดกับเซลล์ของร่างกาย
  • การกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน: แอนติบอดีจะกระตุ้นให้เซลล์เม็ดเลือดขาวโจมตีและทำลายเชื้อโรค
  • การทำให้เชื้อโรคเป็นกลาง: แอนติบอดีสามารถทำให้เชื้อโรคเป็นกลางโดยการยับยั้งการทำงานของเชื้อโรค

ประเภทของภูมิคุ้มกันแบบรับมา

มีสองประเภทหลักของภูมิคุ้มกันแบบรับมา:

1. ภูมิคุ้มกันแบบรับมาตามธรรมชาติ: เกิดขึ้นเมื่อถ่ายทอดแอนติบอดีจากแม่ไปยังทารก ผ่านทางสายสะดือหรือการให้นม
2. ภูมิคุ้มกันแบบรับมาจากการกระทำ: เกิดขึ้นเมื่อได้รับแอนติบอดีจากการฉีดวัคซีนหรือการถ่ายเลือด

ภูมิคุ้มกัน แบบ รับ มา

บทบาทสำคัญของภูมิคุ้มกันแบบรับมา

ภูมิคุ้มกันแบบรับมามีบทบาทสำคัญในการปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อ โดย:

  • ปกป้องทารกแรกเกิด: แอนติบอดีจากแม่ช่วยปกป้องทารกแรกเกิดจากการติดเชื้อในช่วงเดือนแรกของชีวิต
  • ป้องกันการติดเชื้อร้ายแรง: แอนติบอดีจากวัคซีนช่วยป้องกันการติดเชื้อร้ายแรงหลายชนิด เช่น คางทูม หัด และคอตีบ
  • รักษาการติดเชื้อร้ายแรง: แอนติบอดีจากการถ่ายเลือดหรือการฉีดวัคซีนสามารถช่วยรักษาการติดเชื้อร้ายแรงได้ เช่น บาดทะยักและเรื้อนกวาง

สถิติที่น่าทึ่ง

  • ตามข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ภูมิคุ้มกันแบบรับมาช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ถึง 80% ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี
  • การศึกษาในปี 2019 ที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ New England Journal of Medicine พบว่าวัคซีนสามารถป้องกันการเสียชีวิตจากโรคหัดได้ถึง 97%
  • ตามข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ภูมิคุ้มกันแบบรับมาจากการถ่ายเลือดช่วยชีวิตได้มากกว่า 2.5 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละปี

ตารางที่เป็นประโยชน์

ประเภทของภูมิคุ้มกันแบบรับมา แหล่งที่มา ระยะเวลา
ตามธรรมชาติ สายสะดือ, น้ำนมแม่ 2-6 เดือน
จากการกระทำ วัคซีน, การถ่ายเลือด ขึ้นอยู่กับประเภทของการติดเชื้อ
ผสม การถ่ายเลือดจากทารกแรกเกิดไปยังแม่ ป้องกันโรคร้ายแรงในทารกแรกเกิด

คำแนะนำและเคล็ดลับ

  • เด็กทุกคนควรได้รับวัคซีนตามตารางที่แนะนำโดยแพทย์
  • ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแออาจจำเป็นต้องได้รับแอนติบอดีเพิ่มเติมจากการถ่ายเลือดหรือการฉีดวัคซีน
  • การให้นมช่วยปกป้องทารกจากการติดเชื้อโดยการถ่ายทอดแอนติบอดีจากแม่ไปยังทารก
  • การล้างมือบ่อยๆ ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค
  • การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ

เรื่องราวที่น่าสนใจและบทเรียนที่ได้เรียนรู้

เรื่องที่ 1: ครอบครัวหนึ่งพบว่าลูกสาวของพวกเขากำลังป่วยด้วยโรคหัด พวกเขาจำได้ว่าลูกสาวได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้ว่าวัคซีนนั้นไม่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้เต็มที่เนื่องจากลูกสาวของพวกเขาเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง บทเรียนที่ได้เรียนรู้: เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องแน่ใจว่าเด็กๆ ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน

เรื่องที่ 2: ผู้ชายคนหนึ่งถูกงูกัดและได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วด้วยแอนติเวนิน (เซรุ่มที่มีแอนติบอดีต่อพิษงูกัด) ผู้ชายคนนั้นรอดชีวิตและไม่พบผลข้างเคียงจากการถ่ายเลือด บทเรียนที่ได้เรียนรู้: การถ่ายเลือดด้วยแอนติเวนินสามารถช่วยชีวิตได้หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

เรื่องที่ 3: หญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคางทูมติดเชื้อไวรัสคางทูม ลูกของเธอคลอดก่อนกำหนดและป่วยด้วยโรคคางทูมที่รุนแรงมากจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล บทเรียนที่ได้เรียนรู้: เป็นเรื่องสำคัญสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคางทูมเพื่อปกป้องลูกของตนเอง

ข้อดีและข้อเสียของภูมิคุ้มกันแบบรับมา

ข้อดี:

สิ่งมหัศจรรย์ของภูมิคุ้มกันแบบรับมา: เกราะป้องกันโรคที่ทรงพลัง

  • ให้การป้องกันอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • สามารถปกป้องผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
  • ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อร้ายแรง

ข้อเสีย:

  • อาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการแพ้และการติดเชื้อ
  • ไม่สามารถให้การป้องกันระยะยาว
  • อาจมีราคาแพง

คำถามที่พบบ่อย

1. ภูมิคุ้มกันแบบรับมามีอายุการใช้งานนานเท่าใด
ตอบ: ระยะเวลาของภูมิคุ้มกันแบบรับมาจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของแอนติบอดี โดยทั่วไปจะอยู่ได้ประมาณ 2-6 เดือนสำหรับภูมิคุ้มกันแบบรับมาตามธรรมชาติ และอาจมีอายุการใช้งานนานหลายปีสำหรับภูมิคุ้มกันแบบรับมาจากการกระทำ

2. ภูมิคุ้มกันแบบรับมาสามารถป้องกันได้กี่โรค
ตอบ: ภูมิคุ้มกันแบบรับมาสามารถป้องกันได้หลากหลายโรค เช่น หัด หัดเยอรมัน ไอกรน คางทูม คอตีบ โปลิโอ และไวรัสซิกา

3. ใครบ้างที่ควรได้รับภูมิคุ้มกันแบบรับมา
ตอบ: ผู้ที่ควรได้รับภูมิคุ้มกันแบบรับมา ได้แก่ เด็กทารก ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และผู้ที่สัมผัสกับการติดเชื้อที่รุนแรง

4. มีผลข้างเคียงใดๆ จากการรับภูมิคุ้มกันแบบรับมาหรือไม่
ตอบ: ภูมิคุ้มกันแบบรับมาอาจมีผลข้างเคียงได้ เช่น อาการแพ้และการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ผลข้างเคียงเหล่านี้ค่อนข้างหายาก

5. ภูมิคุ้มกันแบบรับมาสามารถรักษาได้กี่โรค
ตอบ: ภูมิคุ้มกันแบบรับมามักใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อมากกว่าการรักษา อย่างไรก็ตาม อาจใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อร้ายแรงได้ เช่น บาดทะยักและเรื้อนกวาง

**6. ภูมิคุ้มกันแบบ

การจับมัดเชื้อโรค:

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss