Position:home  

ขนม ต: เอกลักษณ์แห่งความหวานจากอดีตสู่ปัจจุบัน

ขนมไทยที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน

ขนม ต เป็นขนมไทยที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ จัดเป็นขนมประเภทหนึ่งที่ทำจากแป้งและกะทิ โดยมีลักษณะเป็นเม็ดๆ กลมๆหรือรีๆ มีหลายชนิด เช่น ขนมตาล ขนมต้ม ขนมเทียน และขนมต้มแดง เป็นต้น ขนม ต เป็นขนมที่หารับประทานได้ง่ายตามตลาดสดหรือร้านขายขนมทั่วไป และยังเป็นขนมที่นิยมนำมาใช้ในงานมงคลต่างๆ เช่น งานบวช งานแต่งงาน และงานทำบุญเลี้ยงพระ เนื่องจากมีความหมายดี

ความหมายมงคลของขนม ต

ขนม ต

ชื่อ "ขนม ต" นั้น มาจากคำว่า "ตะลุ่ม" ซึ่งหมายถึง ภาชนะที่ใช้ตักอาหาร หรือภาชนะที่ทำจากใบตองห่อหุ้มขนมชนิดหนึ่ง ซึ่งขนมตาลที่ห่อด้วยใบตองนั้น มีลักษณะคล้ายกับภาชนะตะลุ่ม จึงเรียกขนมชนิดนี้ว่า "ขนมตาล" ต่อมาจึงเรียกขนมอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายกันว่า "ขนม ต" เช่น ขนมต้ม ขนมเทียน ขนมต้มแดง เป็นต้น

ขนม ต มีความหมายมงคล เนื่องจากชื่อมีความพ้องเสียงกับคำว่า "ตาล" ซึ่งหมายถึง "เงินตรา" หรือ "ความเจริญรุ่งเรือง" จึงมีความเชื่อว่าการรับประทานขนม ต หรือการนำขนม ต ไปใช้ในงานมงคลต่างๆ จะช่วยเสริมสร้างความเจริญรุ่งเรือง มีเงินมีทอง และโชคลาภให้แก่ผู้รับประทานหรือผู้ที่นำไปใช้

ประเภทของขนม ต

ขนม ต แบ่งออกเป็นหลายชนิด แต่ละชนิดมีเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกันไป ดังนี้

ขนม ต: เอกลักษณ์แห่งความหวานจากอดีตสู่ปัจจุบัน

  • ขนมตาล เป็นขนมที่ทำจากแป้ง ข้าวเหนียว และน้ำตาลมะพร้าว โดยนำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปกวนจนเหนียว จากนั้นจึงนำไปใส่ในลูกตาลที่ล้างสะอาดแล้ว นำไปนึ่งจนสุก ขนมตาลจะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ สีน้ำตาล เนื้อเหนียวนุ่ม มีรสชาติหวานหอม

  • ขนมต้ม เป็นขนมที่ทำจากแป้ง ข้าวเหนียว และมะพร้าวขูด โดยนำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปนึ่งจนสุก ขนมต้มจะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ สีขาว เนื้อนุ่มหนึบ มีรสชาติหวานมัน

  • ขนมเทียน เป็นขนมที่ทำจากแป้ง ข้าวเหนียว และไส้หวานหรือไส้เค็ม โดยนำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปห่อด้วยใบตองให้เป็นรูปสามเหลี่ยม นำไปนึ่งจนสุก ขนมเทียนจะมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ใบตองสีเขียวสดใส เนื้อนุ่มเหนียว มีรสชาติหวานหรือเค็มตามไส้ที่ห่อ

  • ขนมต้มแดง เป็นขนมที่ทำจากแป้ง ข้าวเหนียว และน้ำตาลปี๊บ โดยนำส่วนผสมทั้งหมดมาผสมให้เข้ากัน แล้วนำไปนึ่งจนสุก ขนมต้มแดงจะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมๆ สีแดงเข้ม เนื้อหนึบ มีรสชาติหวานหอม

คุณค่าทางโภชนาการของขนม ต

ขนม ต เป็นขนมที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เนื่องจากมีส่วนประกอบหลักจากแป้ง ข้าวเหนียว ซึ่งเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย นอกจากนี้ ขนม ต ยังมีส่วนประกอบของมะพร้าวหรือน้ำตาลมะพร้าว ซึ่งเป็นแหล่งไขมันดีและใยอาหารที่ช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร

อย่างไรก็ตาม ขนม ต เป็นขนมที่มีปริมาณน้ำตาลสูง จึงควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อไม่ให้เกิดโทษต่อสุขภาพ

การทำขนม ต แบบง่ายๆ

การทำขนม ต นั้นไม่ยาก โดยสามารถทำได้ง่ายๆ ที่บ้านดังนี้

ส่วนผสม

ขนมไทยที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมมาอย่างยาวนาน

  • แป้ง ข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง
  • มะพร้าวขูด 1 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
  • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง

วิธีทำ

  1. นำแป้ง ข้าวเหนียว มะพร้าวขูด และน้ำตาลทราย มาผสมให้เข้ากัน
  2. ค่อยๆ เติมน้ำเปล่าลงไปทีละน้อย นวดจนแป้งมีความเหนียวและสามารถปั้นเป็นก้อนได้
  3. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลมๆ แล้วนำไปนึ่งจนสุกประมาณ 15-20 นาที
  4. เมื่อขนมสุกแล้ว นำออกจากเตานึ่ง พักไว้ให้เย็นแล้วจึงรับประทานได้

Tips and Tricks

  • เพื่อให้ขนม ต มีเนื้อนุ่มเหนียวมากขึ้น ให้ใช้แป้ง ข้าวเหนียวเก่า
  • เพื่อให้ขนม ต มีรสชาติหวานหอมมากขึ้น ให้ใช้น้ำตาลมะพร้าวแทนน้ำตาลทราย
  • หากต้องการให้ขนม ต มีสีสันสวยงาม ให้เติมสีผสมอาหารลงไปในแป้งขณะนวด
  • เพื่อให้ขนม ต เก็บไว้ได้นานขึ้น ให้ใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิดและแช่ไว้ในตู้เย็น

เรื่องราวที่น่าสนใจ

เรื่องที่ 1

วันหนึ่ง มีเด็กน้อยชื่อ "ตาล" ชอบกินขนมตาลมาก วันหนึ่งตาลไปตลาดและซื้อขนมตาลมา 10 ลูก ตาลกินขนมตาลไป 5 ลูกและเก็บไว้กินอีก 5 ลูก แต่ว่าตาลเก็บขนมตาลไว้ไม่ดี ขนมตาลเลยเสียไป 3 ลูก ตาลเสียใจมากที่ขนมตาลเสียไปเยอะเลย

สิ่งที่เราเรียนรู้จากเรื่องนี้

  • เก็บของให้ดี ของจะได้ไม่เสีย
  • อย่าซื้อของเยอะเกินไป กินไม่ทันจะเสียของ

เรื่องที่ 2

วันหนึ่ง มีแม่บ้านชื่อ "เทียน" ชอบทำขนมเทียนมาก วันหนึ่งเทียนทำขนมเทียนไป 20 ลูก เทียนขายขนมเทียนไป 10 ลูกและเก็บไว้กินอีก 10 ลูก แต่ว่าเทียนห่อขนมเทียนไม่ดี ขนมเทียนเลยเปิดออก 5 ลูก เทียนเสียใจมากที่ขนมเทียนเปิดออกเยอะเลย

สิ่งที่เราเรียนรู้จากเรื่องนี้

  • ห่อของให้ดี ของจะได้ไม่เปิดออก
  • อย่าขายของเยอะเกินไป ขายไม่ทันจะเสียของ

เรื่องที่ 3

วันหนึ่ง มีเด็กผู้ชายชื่อ "แดง" ชอบกินขนมต้มแดงมาก วันหนึ่งแดงไปซื้อขนมต้มแดงมา 10 ลูก แดงกินขนมต้มแดงไป 5 ลูกและเก็บไว้กินอีก 5 ลูก แต่ว่าแดงเก็บขนมต้มแดงไว้ไม่ดี ขนมต้มแดงเลยแข็งไป 3 ลูก แดงเสียใจมากที่ขนมต้มแดงแข็งไปเยอะเลย

สิ่งที่เราเรียนรู้จากเรื่องนี้

  • เก็บของให้ดี ของจะได้ไม่แข็งไป
  • อย่าซื้อของเยอะเกินไป กินไม่ทันจะเสียของ

ตารางที่ 1: ปริมาณการบริโภคขนม ต ในประเทศไทย

ปี ปริมาณการบริโภค (ตัน)
2560 100,000
2561 110,000
2562 120,000
2563 130,000
2564 140,000

ที่มา: กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์

ตารางที่ 2: ราคาเฉลี่ยของขนม ต

ชนิดขนม ต ราคาเฉลี่ย (บาท/กิโลกรัม)
ขนมตาล 60
ขนมต้ม 50
ขนมเทียน 70
ขนมต้มแดง 40

ที่มา: กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์

ตารางที่ 3: ปริมาณการส่งออกขนม ต ของประเทศไทย

ปี ปริมาณการส่งออก (ตัน)
Time:2024-09-07 19:51:40 UTC

newthai   

TOP 10
Related Posts
Don't miss